งานวิจัยใหม่ ระบุอากาศเสียทำให้เสียชีวิต 5.5 ล้านคนต่อปี
![](http://intuitchaos.com/wp-content/uploads/2023/07/polluted-air-05-683x1024.jpg)
เรื่องอากาศเสียมีคนพูดถึงมานานมาแล้ว เป็นร้อยๆปีก่อน แต่ก็มีบางช่วงที่เงียบหายไป จนถึงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ในประเทศไทยก็ได้มีกระแสเรื่องของ PM 2.5 PM 10 ที่พบกันมากขึ้น สำหรับในต่างประเทศนั้น ในหลายๆประเทศ มีการตื่นตัวค่อนข้างมาก ล่าสุด มีงานวิจัยกล่าวว่ากว่า 5.5 ล้านคนทั่วโลกเสียชีวิตก่อนวัยอันควรทุกปีเป็นผลมาจากมลพิษทางอากาศ จากการวิจัยใหม่ การเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของจีน และอินเดีย ตัวการหลักคือการปล่อยอนุภาคขนาดเล็กจากโรงไฟฟ้า โรงงาน ไอเสียรถยนต์ การเผาไหม้ถ่านหิน และไม้ ข้อมูลถูกรวบรวมโดยเป็นส่วนหนึ่งของ นักวิทยาศาสตร์ที่ได้ศึกษา กล่าวว่า สถิติแสดงให้เห็นว่าบางประเทศเร่งดำเนินการมากแค่ไหน เร่งด่วนแค่ไหน เพื่อปรับปรุงอากาศที่พลเมืองของพวกเขา
![](http://intuitchaos.com/wp-content/uploads/2023/07/polluted-air-01.jpg)
นักวิทยาศาสตร์บางคน ในเมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา อธิบายว่า “ในกรุงปักกิ่ง หรือเดลีในวันที่มีมลพิษทางอากาศเลวร้าย จำนวนอนุภาคขนาดเล็ก (เรียกว่า PM2.5) อาจสูงกว่า 300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตัวเลขควรอยู่ที่ประมาณ 25 หรือ 35 ไมโครกรัม” การหายใจเอาอนุภาคของแข็งหรือของเหลวเล็กๆ เข้าไปสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง อาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และแม้แต่มะเร็ง ในขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้วมีความก้าวหน้าอย่างมากในการแก้ไขปัญหานี้ ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา จำนวนพลเมืองที่เสียชีวิตเนื่องจากคุณภาพอากาศที่ไม่ดีในประเทศกำลังพัฒนายังคงเพิ่มสูงขึ้น จากการศึกษาพบว่า มลพิษทางอากาศเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากกว่าปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การขาดสารอาหาร โรคอ้วน แอลกอฮอล์ สารเสพติด และการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งสามารถ กำหนดให้ความเสี่ยงสูงเป็นอันดับสี่รองจากความดันโลหิตสูง ความเสี่ยงด้านอาหาร และการสูบบุหรี่
![](http://intuitchaos.com/wp-content/uploads/2023/07/polluted-air-06-683x1024.jpg)
ปัจจัยเสี่ยงในผู้สูงอายุ
ในประเทศจีนมีผู้เสียชีวิตประมาณ 1.6 ล้านคนต่อปี ; ในอินเดียมีประมาณ 1.3 ล้านคน ข้อมูลนี้มาจากปี 2023 ซึ่งเป็นปีล่าสุดที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม แหล่งที่มาที่สำคัญของปัญหามลพิษนั้นแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละประเทศ ในประเทศจีน ปัจจัยหลัก คือการปล่อยอนุภาคจากการเผาไหม้ถ่านหิน การวิจัยคำนวณว่าแหล่งที่มานี้เพียงอย่างเดียวมีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตมากกว่า 360,000 รายทุกปี และแม้ว่าจีนมีเป้าหมายที่จะจำกัดการเผาไหม้และการปล่อยถ่านหินในอนาคต แต่จีนก็อาจประสบปัญหาในการลดจำนวนผู้เสียชีวิต เนื่องจากจีนกำลังมีประชากรสูงอายุ และพลเมืองเหล่านี้ย่อมมีความอ่อนไหวต่อความเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศที่ย่ำแย่ดังนั้น เราคิดว่านโยบายเชิงรุกมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน เพื่อลดการปล่อยมลพิษจากการเผาไหม้ถ่านหิน และภาคส่วนอื่นๆ นักวิจัยระบุ
ในอินเดีย ปัญหาที่ดึงดูดความสนใจเป็นพิเศษคือการเผาไม้ มูลสัตว์ เศษพืชผล และวัสดุอื่นๆ เพื่อปรุงอาหารและให้ความร้อน “มลพิษภายในอาคาร” นี้ทำให้เสียชีวิตได้มากกว่า “มลพิษภายนอกอาคาร” และเมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในวงกว้างของอินเดีย ทีมวิจัยกล่าวว่า ประเทศนี้มีความเสี่ยงที่จะมีคุณภาพอากาศที่แย่ลงไปอีกในอนาคต Chandra Venkataraman จาก Indian Institute of Technology Bombay ในเมืองมุมไบ เตือนว่า “แม้จะมีข้อเสนอให้มีการควบคุมการปล่อยมลพิษ แต่ความต้องการไฟฟ้า และการผลิตภาคอุตสาหกรรมก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก “ดังนั้น จนถึงปี 2050 การเติบโตนี้บดบังการควบคุมการปล่อยมลพิษ (ในการคาดการณ์ของเรา) และจะนำไปสู่การเพิ่มการปล่อยมลพิษทางอากาศในอนาคตในปี 2050 ในอินเดีย”
![Full Defen](http://intuitchaos.com/wp-content/uploads/2023/07/polluted-air-03-683x1024.jpg)
ถึงเวลาแล้วที่ทั่วโลกต้องให้ความสำคัญกับอากาศเสีย
อากาศเสีย ไม่เพียงแต่มีผลกระทบต่อด้านสุขภาพเท่านั้น ในด้านเศรษฐกิจในประเทศของประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวก็เช่นกัน ใครละ จะอยากไปเที่ยวในประเทศที่มีมลภาวะเป็นพิษทางอากาศ ทัศนวิสัยย่ำแย่ ด้วยฝุ่นละออง PM 2.5 การอึดอัดที่ต้องไปสูดอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ ประเทศไทยมีการแก้ไขปัญหานี้อย่างล่าช้า และไม่จริงจัง ซึ่้งผลกระทบต่างๆก็ได้เห็นออกมาแล้ว เบื้องต้นคือช่วง High Season ของการท่องเที่ยวในฤดูหนาวถูกทำให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยวจนเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมากมาย หวังว่าผู้นำประเทศคนใหม่จะมองเห็นจุดอ่อนตรงนี้และดำเนินการแก้ไขมัน