ความเกี่ยวข้องระหว่างวิตามินดี(Vitamin D) กับภาวะ Stress Fracture ในผู้หญิง
มีการศึกษาใหม่( in USA New York) พบว่าเด็กหญิงและหญิงสาวที่ขาดวิตามินดี จากอาหารและอาหารเสริมมีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะ Stress Fracture หรือ กระดูกหักล้า
Stress Fracture (กระดูกหักล้า) คือ รอยแตกเล็กๆ ในกระดูก ซึ่งมักส่งผลกระทบต่อผู้ที่ออกกําลังกายอย่างหนัก เช่น การวิ่งระยะไกล หรือ ยิมนาสติก และพวกเขากังวลเป็นพิเศษในเด็กสาววัยรุ่นเพราะความแข็งแรงของกระดูกในวัยนั้น เชื่อมโยงกับความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนและเสี่ยงการบาดเจ็บสาหัสมากขึ้นในภายหลัง
การศึกษานี้สามารถเพิ่มความคิดที่ว่าเด็กหญิงวัยรุ่นและหญิงสาวควรรู้ตัวเป็นพิเศษว่าจะได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอ ซึ่งนักวิจัยได้ตั้งข้อสังเกตุว่าการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง (hi-calcium) กับผลิตภัณฑ์นมจํานวนมากอาจช่วยปกป้องเด็กผู้หญิงจากการภาวะ Stress Fracture (กระดูกหักล้า)ได้หรือไม่ แต่ในการศึกษาใหม่พบว่า วิตามินดี(Vitamin D)ในปริมาณสูง เชื่อมโยงกับการบาดเจ็บน้อยลงของ ภาวะกระดูกหักล้าไม่ใช่ แคลเซียม(calcium)
ถึงอย่างนั้น ผลการวิจัยก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าวิตามินดีช่วยป้องกันอาการกระดูกหัก เนื่องจากเป็นไปได้ว่ามีความแตกต่างอื่นๆ ระหว่างเด็กผู้หญิงที่รับประทานอาหารที่มีวิตามินดีสูงและต่ำซึ่งนักวิจัยไม่สามารถวัดได้ สําหรับการศึกษานี้ พวกเขาติดตามเด็กผู้หญิงเกือบ 7,000 คนที่เป็นผู้ที่เข้าร่วมการศึกษาในระยะยาว
เริ่มตั้งแต่เด็กผู้หญิงอายุระหว่าง 9 ถึง 15 ปี นักวิจัยได้สํารวจพวกเขาทุกปีหรือมากกว่านั้นระหว่างปี 1996 ถึง 2001 เกี่ยวกับนิสัยการกินทั่วไปและการใช้อาหารเสริมวิตามิน จากข้อมูลนั้นนักวิทยาศาสตร์ได้คํานวณปริมาณวิตามินดี(D)ที่ผู้หญิงแต่ละคนได้รับในแต่ละวัน
จากนั้นจึงเก็บข้อมูลจากแม่ของเด็กผู้หญิงว่า ลูกสาวของพวกเขาได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะ Stress Fracture (กระดูกหักล้า) หรือไม่ ก็พบว่า เด็กหญิงอายุต่ำกว่าสี่เปอร์เซ็นต์(<4%) มีอาการภาวะ Stress Fracture (กระดูกหักล้า) พบว่ามีจำนวนสูงกว่า ผู้ที่ออกกําลังกายที่มีผลกระทบสูงหรือผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการกระดูกหักล้า
แม้ว่าจะไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างปริมาณแคลเซียมที่เด็กหญิงและหญิงสาวได้รับในอาหารและโอกาสในการได้รับบาดเจ็บ แต่ผู้ที่รับประทานวิตามินดีเพียงพอในแต่ละวัน ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดการภาวะ Stress Fracture (กระดูกหักล้า) น้อยกว่าครึ่งของผู้ที่รับวิตามินดี ที่ได้รับน้อยที่สุด
ผลสรุปที่เคยค้นพบมาแล้ว อธิบายว่า วิตามินดีเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับการดูดซึมแคลเซียม แต่มันมีความน่าสนใจมากขึ้น เมื่อพูดถึงระดับวิตามินดี ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในเกิดภาวะ Stress Fracture (กระดูกหักล้า)
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการวิจัยครั้งนี้ มีรายละเอียดเพิ่มเติม คือ เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ในการศึกษาเป็นคนผิวขาวเกือบ 94 เปอร์เซ็นต์
วิตามินดีมีอยู่ตามธรรมชาติในไขมันของปลา และยังอยู่ในผลิตภัณฑ์นม เช่น นมและโยเกิร์ต ดังนั้น แพทย์มักจะแนะนําให้เด็กผู้หญิงและหญิงสาวทานอาหารเสริมที่มีวิตามินดี เพราะมันไม่ง่ายเสมอไปที่จะได้รับอาหารเพียงพอ สถาบันการแพทย์ แนะนําให้เด็กและผู้ใหญ่ได้รับวิตามินดี 600 international units (IU) ต่อวัน เด็กผู้หญิงในการศึกษาได้รับค่าเฉลี่ย 376 IU ต่อวัน และสำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกต่างๆ แนะนําว่า ผู้ป่วยต้องได้รับ 1,000 IU ต่อวัน รวมถึงผู้ที่ขาดวิตามินดีจำนวนมากอีกด้วย