และแล้วก็มีมาจนได้ ในเรื่องของตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย หรือ SET  ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 นั้น  SET ปิดอยู่ที่ 1,562.25  +28.95 (+1.89%)  โดยมีปาฏิหารเขียวยาวตั้งแต่เช้าจรดเย็น  ตอนรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง นั่นก็คือ การปรับ Bid Offer ในหุ้นและผลิตภัณฑ์อื่นๆทุกตัว  จากเดิม ข้างละ 5 ช่อง  กลายเป็น ข้างละ 10 ช่อง  ซึ่งในอดีตนั้น  เคยมีข้างละ 3 ช่อง และถูกปรับเป็น 5 ช่อง  จนถึงปัจจุบันนี้ คือ 10 ช่อง

 ตอกย้ำกันอีกครั้งหนึ่งครับ  สำหรับ Bid และ Offer

Bid คือ คำขอเสนอซื้อ(เรายังไม่มีหุ้น แต่เรามีตังค์) ดังนั้น เราจะซื้อจริง หรือ ตั้งไว้เล่นๆ ก็แล้วแต่เราครับ  หากมีตังค์ก็ตั้งเล่นๆก็ได้  เท่ๆไง  ซักพักก็ยกเลิกก็ได้  แบบว่าตั้งซื้อไว้อวดเพื่อน ไรงี้ ฮาา

Offer คือ เรามีหุ้นแล้ว (ซื้อแล้ว, ติดดอยแล้ว, อยากขายแล้ว) แต่เราพอใจที่จะขายในราคานี้  (ฝั่งขวา) ใครอยากได้หุ้น มาซื้อเลย เราตั้งขายไว้นะ จุ๊บๆ

จึงมีเซียนหุ้น มักจะกล่าวไว้ว่า “Bid นั้น มายา  ส่วน Offer นั้นหนา คือ ของจริง”

สำหรับส่วนตัวผมแล้วคิดว่า Bid Offer ที่เยอะขึ้นถึง 10 ช่องนั้น  ไม่มีผลต่อนักลงทุนสาย VI แท้ แต่จะมีผลต่อนักลงทุนสายเก็งกำไร โดยเฉพาะสาย Day Trade เยอะที่สุด  โดยเฉพาะสายย่อย ที่ดู Bid Offer แล้วตีความ แต่การอ่าน Bid Offer จะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน อันนี้คงต้องถามเซียน Day Trade  น่าจะได้คำตอบ  สำหรับโค๊ชดังๆในเรื่องนี้ ที่เคยได้ยินมาก็มี โค๊ชซัน , โค๊ชโก๋  เป็นต้น   ใครอยากศึกษาก็ลองหาใน youtube ดูครับ มีเยอะแยะ