อาจารย์มหาวิทยาลัยฯ เล่าเรื่อง “ผีตานี” ที่ท่านเจอ
ส่วนตัวผมเองไม่ใช่เป็นคนมีเซ้นต์เห็นผีสักเท่าไหร่ แต่ก็มักจะสัมผัสได้มากกว่าคนปกติ นิ๊ดด หนึ่งเท่านั้น สำหรับในวันนี้ อยากจะเล่าเรื่องผีไทยของเรา ผีตนนี้เป็นผีเก่าแก่ของไทยมาแต่โบราณกาล เป็นที่โด่งดัง แค่เอ่ยชื่อ แน่นอนว่าทุกคนต้องรู้จัก นั่นก็คือ “ผีตานี” ก่อนจะเล่าต้องขอออกตัวสักนิดในเรื่องนี้ว่า ไม่ใช่เรื่องของผมเองหรอกครับ แต่เป็นเรื่องเล่าของอาจารย์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่ง อยู่ทางภาคเหนือ แต่ภูมิลำเนาท่านน่าจะอยู่แถวๆภาคกลาง ผมเองก็เป็นลูกศิษย์ของท่าน วันหนึ่งท่านนึกอย่างไรไม่ทราบ เอาเรื่องผีตานีที่เป็นประสบการณ์ตรงของท่านมาเล่าให้ลูกศิษย์ทั้งห้องฟัง ซึ่งผมเป็นคนที่สนใจเรื่องประเภทนี้อยู่แล้ว ก็หูผึ่งเลยก็แล้วกัน 55+
และอีกครั้ง ที่ผมต้องขอเล่าถึงอาจารย์ท่านนี้สักนิดและขอยืนยันว่าเรื่องที่เล่านี้อาจารย์ท่านบอกว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดกับตัวท่านเอง และผมก็คิดว่าท่านไม่ได้โกหกอย่างแน่นอน อาจารย์ท่านนี้ไม่เชิงว่าเป็นคนที่ชอบพูดเล่น หรือขี้เล่น เป็นคนที่เก่งด้านวิชาการเป็นอย่างมาก จบปริญญาเอกอย่างน้อย 1 ใบ สำหรับใบอื่นๆ ไม่แน่ใจครับ แฮ่ๆ ซึ่งไม่ใช่อาจารย์ระดับปูๆปลาๆก็แล้วกัน แต่ที่น่าแปลกใจคือ ไม่นึกว่า อาจารย์จะมีแนวคิดถึงเรื่องจิตวิญญาณ และสิ่งลี้ลับ เพราะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ การที่มาเล่าเรื่องอย่างงี้ให้ผู้อื่นหรือลูกศิษย์ฟัง เป็นอะไรที่เสี่ยงมากๆ ต่อความน่าเชื่อถือของท่านเอง แต่ผมบอกได้เลยครับว่า ผมไม่เชื่อว่าท่านจะกุเรื่องโกหกอะไรมาเล่า เอาละเข้าเรื่องเสียที…
ท่านเล่าว่าครอบครัวของท่านตั้งแต่ท่านเด็กๆ มีพ่อ แม่ ท่าน และพี่น้องของท่าน 1 คน (ไม่แน่ใจว่าเป็นน้องหรือพี่ แต่เป็นผู้หญิง ลืมบอกไป ท่านเป็นผู้หญิง) รวมเป็น 4 คน บ้านของท่านเป็นลักษณะบ้านสวน คือ เป็นบ้านแล้วมีสวนล้อมรอบ แต่ไม่รกทึบ ซึ่งก็เหมือนบ้านชาวบ้านทั่วๆไป ที่ปลูกต้นไม้ต่างๆไว้รอบบ้าน พ่อของท่านเป็นคนมีเซ้น และใฝ่ทางธรรมะ มักจะปฏิบัติอยู่เสมอ เช่น นั่งสมาธิ เดินจงกรม และยังสอนให้ลูกๆทั้งสองได้ปฏิบัติตามตั้งแต่เด็กๆ (ผมกะเอาว่าประมาณ 4-5ขวบ) วันหนึ่งพ่อของท่านได้บอกกับท่านว่าอยากจะดูอะไร แปลกๆไหม ซึ่งท่านในตอนนั้นอายุประมาณ 5-7 ขวบ ก็อยากรู้ก็ตอบตกลงกับพ่อของท่านว่า อยากดู พ่อของท่านจึงพาท่านไปยังหลังบ้าน ซึ่งห่างจากตัวบ้านไปประมาณ 10-15 เมตรเท่านั้น เวลานั้นก็จะประมาณ 2-3ทุ่ม รอบๆข้างนั้นมืดสนิท แต่ก็เดินตามคุณพ่อของท่านไปไม่ห่าง จนมองเห็นแสงเรืองๆมาจากต้นไม้ต้นหนึ่ง พอเข้าไปใกล้ก็พบว่าเป็นต้นกล้วย (เป็นดงกล้วย) และตอนนั้นเอง ท่านก็เห็นหญิงสาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ๆต้นกลัวยนั้น ซึ่งท่านก็บรรยายลักษณะไว้ว่า..
“เป็นหญิงสาวสวยมากๆ อายุประมาณ 16-20 ปี ผิวขาว ใบหน้ารูปไข่ ตา จมูก ปากสวยเหมือนนางฟ้า รูปร่างไม่สูงนักเหมือนหญิงไทยทั่วไป แต่ได้สัดส่วน รูปร่างสวย ใส่ผ้าสใบสีเขียวอ่อนเฉียง นุ่งโจงกระเบนสีน้ำตาล ผมดำขลับ จำได้แค่นี้ ยืนยิ้มให้ท่าน ”
พ่อของท่านบอกกับท่านว่า นี่คือแม่นางตานี อาศัยอยู่ที่ต้นกล้วยหลังบ้านเรานี่แหละ ซึ่งตอนนั้นท่านบอกว่าไม่รู้สึกกลัวสักนิด และรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่คน แต่เป็นผีแน่ๆ พอเดินเข้าไปใกล้พอสมควร นางตานีตนนี้ได้หยอกเล่นกับท่านว่า “หนู พี่สวยรึเปล่า” ซึ่งท่านก็ตอบไปว่า “สวย สวยมาก” นางตานีก็หัวเราะชอบใจแล้ว หันหน้าหลบไปด้านหลัง แล้วหันกลับมา พร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นคนแก่ๆ หน้าตาเหี่ยวๆ แล้วก็หันมาหยอกเล่นกับท่านอีกครั้งว่า “หนู.. พี่สวยรึเปล่า” ซึ่งท่านก็มองด้วยความสนเท่ห์ใจ แต่ไม่ได้กลัวอะไร แล้วตอบไปว่า “แหวะๆ ไม่เห็นสวยเลย.” แล้วนางตานีก็หัวเราะชอบใจอีก และนางตานี้ก็ทำแบบนี้สลับ ไป-มา 2-3ครั้ง ระหว่างหน้าสวย กับหน้าแก่ ท่านก็ตอบไปทุกครั้ง โดยไม่ได้กลัวอะไร จนพ่อของท่านคิดว่าสมควรกับเวลาแล้ว ก็พากลับบ้าน โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเหมือนกับพ่อของท่านพาไปพบกับสิ่งแปลกประหลาด หรือไปแนะนำให้รู้จักกับผีสางนางไม้ในบริเวณบ้านของตัวเองแค่นั้น
และบ้านของท่านนั้น มีวิญญาณเก่าแก่อาศัยอยู่ถึง 2-3 ดวง พ่อของท่านบอกไว้ว่า ที่ใต้ถุนบ้านมีโครงกระดูกของคนโบราณอยู่ และวิญญาณก็มักจะปรากฏให้คนในบ้านพบเจอเสมอ โดยเฉพาะคุณพ่อของท่านจะสามารถติดต่อ พูดคุยสื่อสารได้ และเคยปรากฏให้ท่านเห็นหลายครั้ง เมื่อถามพ่อ ก็จะได้คำตอบว่า เขาอยู่ที่นี่มานานแล้ว ที่นี่เป็นที่ของเขา และเขาไม่ได้ทำอะไรเรา ซ้ำยังคอยดูแล ปกป้องเราด้วย ดังนั้นเมื่อถึงคราวทำบุญต่างๆ เช่น ทำบุญบ้านครั้งใด ก็มักจะอุทิศส่วนกุศลให้เขาเหล่านั้นอยู่เสมอๆ แต่ก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ที่พวกเขายังไม่ไปผุดไปเกิดเสียที
สำหรับผีตานี ส่วนตัวผมเองเชื่อว่ามีจริง แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีผีประเภทนี้อยู่ เพราะผีเกิดจากคนตายที่ยังไม่ไปผุดไปเกิด แต่คนแบบไหนละ ที่ตายแล้วไปเป็นผีตานี หรืออาจจะตายอยู่ที่ต้นกล้วยหรืออย่างไร ถ้าหากใช่ แล้วทำไมกล้วยชนิดอื่นๆถึงไม่มีผีไปอาศัยอยู่ เช่น ผีกล้วยน้ำว้า ผีกล้วยไข่ เป็นต้น ซึ่งถ้าหากอนาคต ผมได้พบเจอผู้รู้ และได้ข้อมูลดีๆมา ก็จะมาเล่าสู่ให้ฟังอีกครั้งหนึ่งครับ